This printed article is located at https://investor-th.airportthai.co.th/news_clip_th.html

ข่าว

ทอท.ดึงอัยการสั่งตั้งทีมสู้คดี'คิงเพาเวอร์' ยื่นฟ้อง

BackJun 08, 2007

บอร์ด ทอท.ดึงอัยการสูงสุด รับหน้าที่แก้ต่าง หลังคิงเพาเวอร์ ยื่นฟ้องเรียก 6.8 หมื่นล้าน พร้อมตั้งทีมสู้คดีถึงที่สุด มั่นใจชนะคดีแน่ ระบุเอกชนอ้างไม่รู้พ.ร.บ.ร่วมทุนไม่ได้

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)หรือ ทอท. เปิดเผยหลังประชุมคณะกรรมการ วานนี้(7 มิ.ย.) ว่าที่ประชุมยังไม่มีการพิจารณาเปลี่ยนกรรมการคนใด แต่ให้นโยบายว่าขอให้ปรับแนวคิดการทำงานในภาพรวมให้มีประสิทธิภาพ และสอดคล้องกันมากขึ้น เชื่อว่าเมื่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมอยู่ในคณะกรรมการ ทอท. จะส่งผลให้การแก้ปัญหาในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิดีขึ้น

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง โฆษกคณะกรรมการ ทอท. กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงกรณีที่บริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และบริษัท คิงเพาเวอร์ สุวรรณภูมิ จำกัด ยื่นฟ้องศาลแพ่งเรียกค่าเสียหายจาก ทอท.จำนวน 6.8 หมื่นล้านบาท เห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่คาดไว้แล้ว จึงไม่หนักใจต่อเรื่องที่เกิดขึ้น โดย ทอท.จะให้สำนักงานอัยการสูงสุดทำหน้าที่แก้ต่างคดี และจะแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมา โดยมี นางสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. เป็นประธาน เพื่อประสานรวบรวมข้อมูลและเอกสารหลักฐานต่างๆ เพื่อต่อสู้คดีต่อไป

"มั่นใจว่าชนะคดีแน่ รอให้ฟ้องอยู่แล้ว เรื่องจะได้จบ และเสร็จก่อนเลือกตั้งได้ก็ดี ไม่อยากให้เรื่องยืดเยื้อไปจนถึงรัฐบาลชุดใหม่ น่าสังเกตว่าคิงเพาเวอร์ เลือกการฟ้องแทนการเจรจากับ ทอท. เป็นการฟ้องศาลแพ่งโดยไม่มีการระบุ ถึงพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงาน หรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 เป็นเรื่องที่เอกชนจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ ต้องดูในอดีตว่าศาลเคยตัดสินไว้อย่างไร" ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ทอท.อยู่ระหว่างการพิจารณายื่นฟ้องทางอาญา เพื่อเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องหรือบุคคลใดก็ตามที่ร่วมสมคบในเรื่องนี้ โดยคณะทำงานที่แต่งตั้งขึ้นจะเป็นผู้พิจารณา โดยนำผลการสอบสวนจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งมีพล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ เป็นประธาน มาประกอบการพิจารณาด้วย

ตั้งเงื่อนไขรับเจรจาคิงเพาเวอร์พ่วงรายใหม่

ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า หากคิงเพาเวอร์ต้องการเจรจากับ ทอท.เพื่อหาข้อยุติสามารถดำเนินการได้ แต่ต้องเป็นการเจรจาเพื่อเดินไปข้างหน้า โดยอยู่บนพื้นฐานว่า ทอท.จะเปิดประกวดราคาคัดเลือกเอกชน 2-3 ราย ให้เป็นผู้ประกอบกิจการร้านค้าปลอดอากรในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งคิงเพาเวอร์ จะไม่ถูกตัดสิทธิใดๆ สามารถเข้าร่วมประกวดราคาแข่งขันกับเอกชนรายอื่นได้

"ถ้าเป็นการเจรจาเพื่อบอกว่าสัญญาที่ทำไว้ในอดีต เป็นสัญญาที่ถูกต้องคงไม่ได้ เรายืนยันชัดเจนว่า ทอท.กับคิงเพาเวอร์ไม่เคยมีสัญญาต่อกัน จึงไม่จำเป็นต้องบอกเลิกสัญญา แต่คิงเพาเวอร์เลือกที่จะฟ้องศาลแพ่งแทนการเจรจา ก็คงต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย"ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว

การต่ออายุบัตรผ่านเข้า-ออกในพื้นที่อาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ให้กับพนักงานคิงเพาเวอร์นั้น ทอท.ต้องการให้คิงเพาเวอร์ให้ความร่วมมือ และแสดงความจริงใจว่า จะไม่นำเรื่องการต่ออายุบัตรไปอ้างต่อศาล ซึ่ง ทอท.จะออกบัตรผ่านชั่วคราวให้เป็นระยะ แต่คิงเพาเวอร์ไม่ยอมทำหนังสือดังกล่าว จึงแสดงให้เห็นว่าไม่จริงใจที่จะให้ความร่วมมือกับ ทอท.

ชี้ปรับปรุงพื้นที่ไม่เป็นไปตามสัญญา

ส่วนปัญหาความไม่ปลอดภัยในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เกิดจากการใช้พื้นที่ของคิงเพาเวอร์นั้น ทอท.ได้แจ้งให้ปรับปรุงแก้ไขภายใน 30 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันนี้(8 มิ.ย.) จากการประเมินผลร่วมกับผู้แทนจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย(วสท.) พบว่า การปรับปรุงพื้นที่ยังไม่เป็นไปตามมาตรฐาน การแก้ไขในจุดต่างๆ เช่น ทางหนีไฟ พบว่ายังมีชั้นวางสินค้าขวางทาง ส่วนประตูทางเข้าห้องควบคุมระบบไฟฟ้า และเครื่องปรับอากาศยังต้องผ่านร้านค้าก่อน

ทั้งนี้ ทอท.จะทำหนังสือเตือนไปยังคิงเพาเวอร์เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อเร่งรัดให้แก้ไขพื้นที่เหล่านี้ หากคิงเพาเวอร์ไม่ปฏิบัติ ทอท.จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นางกัลยา ผกากรอง รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวว่า เมื่อปัญหาคิงเพาเวอร์ได้ข้อยุติ ทอท.จะได้รับผลตอบแทนจากคิงเพาเวอร์แน่นอน เพราะเป็นการใช้พื้นที่ของ ทอท.ในการจำหน่ายสินค้า เชื่อว่าหากมีคนกลางที่น่าเชื่อถือ เป็นผู้ไกล่เกลี่ย ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะมีข้อยุติ

จ่ายค่าจ้าง 1.2 พันรายการ กว่า 7 พันล้าน

ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้พิจารณาเรื่องการจ่ายเงินค่าจ้างในการสั่งเปลี่ยนแปลงงาน (VARIATION ORDER)หรืองานวีโอ จำนวน 1,200 รายการ มูลค่ากว่า 7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมแบบก่อสร้าง โดยไม่ผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง หรือการประกวดราคา เป็นการดำเนินการในช่วงรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และถึงเวลาที่ ทอท.ต้องจ่ายเงินให้ผู้รับจ้าง

ทั้งนี้ ที่ประชุมอนุมัติให้ นายภาสกร สุวรรณกนิษฐ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท.และรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานบริหารโครงการและก่อสร้าง ประเมินความเหมาะสมของวงเงินค่าจ้าง โดยพิจารณาราคาในช่วงเวลาขณะก่อสร้าง เพื่อจ่ายเงินให้ผู้รับจ้าง และให้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีพลตำรวจเอกประทิน เป็นประธาน ตรวจสอบว่าบุคคลใดเป็นผู้อนุมัติว่าจ้างงานวีโอดังกล่าว

นายต่อตระกูล ยมนาค กรรมการ ทอท. กล่าวว่า ที่ประชุมยังได้อนุมัติให้ทอท.ออกหนังสือรับรอง (TAKING OVER CERTIFICATE)หรือทีโอซี ในงานติดตั้งเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 จำนวน 26 เครื่อง และจ่ายเงินค่าอุปกรณ์ที่ยังค้างจ่าย 5.3 ล้านดอลลาร์ ให้กับบริษัท จีอี อินวิชั่น เพราะเป็นเรื่องจำเป็น และคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ(คตส.) ระบุว่าเป็นอำนาจการพิจารณาของ ทอท.

"จุลจิตต์" โยนหน่วยงานรัฐต้นตอผิดพลาด

นายจุลจิตต์ บุณยเกตุ รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ กล่าวว่า หลังจากที่ พล.อ.สพรั่ง แสดงท่าทีพร้อมเจรจาเพื่อยุติปัญหา ทางคิงเพาเวอร์ ยินยอมเจรจาเพื่อยุติปัญหา ถือเป็นการสร้างบรรยากาศที่ดีขึ้นระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ที่ผ่านมาคิงเพาเวอร์ ได้รับผลกระทบจากข้อกล่าวหาของ ทอท. โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของแหล่งเงินทุนและคู่ค้า การยื่นเรื่องฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก ทอท. เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำอย่างไม่มีทางเลือก และเพื่อเป็นการยืนยันความถูกต้องของ คิงเพาเวอร์ที่ปฏิบัติตามสัญญาของ ทอท.มาตลอด

ข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดจากทางหน่วยงานภาครัฐเอง เห็นว่าการแก้ปัญหาดังกล่าว ภาครัฐควรให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความในสัญญา และเมื่อพบข้อผิดพลาดในประเด็นที่ทำให้สัญญาไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 ก็สามารถใช้แนวทางแก้ไขในลักษณะเดียวกับ การแก้ไขสัญญาสัมปทานโทรศัพท์เคลื่อนที่ สามารถแก้ไขสัญญาเป็นข้อๆ สุดท้ายจะทำให้สัญญาระหว่างภาครัฐ และเอกชนเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

"ส่วนการเจรจายุติปัญหากับ ทอท.นั้น คิงเพาเวอร์ จำเป็นที่ต้องขอทราบประเด็นการเจรจาก่อน จึงจะตอบได้ว่าพร้อมจะเจรจาด้วยหรือไม่ และต้องนำไปหารือร่วมกับ ฝ่ายกฎหมายของเราก่อนที่รับผิดชอบในการดูแลสัญญา" นายจุลจิตต์ กล่าว

เดินหน้าเปิดขายแบรนด์หรู

ล่าสุดผู้ผลิตนาฬิกาแบรนด์พรีเมียมระดับโลก เยเกอร์ เลอ คูล (Jaeger-LeCoultre) จากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ร่วมกับ กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ เปิดบูติคแห่งใหม่ในประเทศไทย ที่ ชั้น 2 คิงเพาเวอร์ คอมเพล็กซ์ ถนนรางน้ำ ซึ่งนายซาวีเย่ ดูฟัว ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เยเกอร์ เลอ คูล กล่าวว่า สาเหตุที่เลือกเปิดบูติคแห่งใหม่ ร่วมกับ คิงเพาเวอร์ นั้น เพราะมั่นใจในความเป็นผู้นำด้านร้านค้าปลอดอากรที่มีความมั่นคงมากที่สุดในไทย

ด้าน นายวิชัย รักศรีอักษร ประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท คิงเพาเวอร์ กล่าวว่า ขณะนี้คิงเพาเวอร์ ยังเดินหน้ายกระดับมาตรฐานของสินค้า รวมถึงการพัฒนาใหม่ เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจดิวตี้ฟรีแห่งภูมิภาค

 

ที่มา: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
วันศุกร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2550


Please read our General Disclaimer & Warning carefully.
Use of this Website constitutes acceptance of the Terms of Website Use.
Copyright © 2024. ThaiListedCompany.com. All Rights Reserved.